ในฐานะองค์กรที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการวางรากฐานอันมั่นคงให้กับโครงการชั้นนำมากมาย เราได้เห็นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของสถาปัตยกรรมและพื้นที่เชิงพาณิชย์มานับไม่ถ้วน มีโครงการจำนวนไม่น้อยที่เกิดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แต่มีเพียงไม่กี่แห่งที่สามารถยืนหยัดครองใจผู้คนได้อย่างยาวนาน ผ่านทุกยุคทุกสมัยและทุกกระแสการเปลี่ยนแปลง และหนึ่งในโครงการที่เราภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งให้เสมอมา คือ แฟชั่นไอส์แลนด์ ศูนย์การค้าที่เป็นมากกว่าแค่สถานที่ชอปปิง แต่เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองและเป็นศูนย์กลางแห่งวิถีชีวิตของผู้คนในย่านรามอินทราและพื้นที่กรุงเทพฯ ตะวันออกมายาวนานหลายทศวรรษ
ความสำเร็จอันน่าทึ่งของ แฟชั่นไอส์แลนด์ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในหัวใจของลูกค้า และวิสัยทัศน์ที่มองเห็นภาพของ "จุดหมายปลายทางที่สมบูรณ์แบบสำหรับทุกคนในครอบครัว" ในยุคที่ศูนย์การค้าหลายแห่งมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าเฉพาะกลุ่ม แฟชั่นไอส์แลนด์กลับเลือกที่จะเป็นอาณาจักรที่โอบรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ภายใต้หลังคาเดียวกัน ที่นี่คือสถานที่ซึ่งคุณพ่อสามารถเดินเลือกดูอุปกรณ์กีฬา คุณแม่เพลิดเพลินกับการเลือกซื้อของใช้เข้าบ้าน ลูกๆ ตื่นตาตื่นใจกับร้านค้าของเล่นและโซนกิจกรรม และทุกคนในครอบครัวสามารถมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารมื้ออร่อยที่มีให้เลือกสรรนับร้อยร้านค้า ตั้งแต่ฟู้ดคอร์ทขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านอาหารแบรนด์ดัง
เสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของ แฟชั่นไอส์แลนด์ คือการสร้างสมดุลที่ลงตัวระหว่างความครบครันและความเข้าถึงง่าย การมีห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ เป็นแม่เหล็กสำคัญ ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์รวมการจับจ่ายใช้สอยที่ครบวงจรอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ยังรายล้อมไปด้วยร้านค้าแฟชั่นชั้นนำ ธนาคาร สินค้าไอที และบริการต่างๆ ที่ตอบสนองทุกความต้องการในชีวิตประจำวัน การออกแบบพื้นที่ภายในที่กว้างขวาง โอ่โถง และมีพื้นฐานโครงสร้างที่แข็งแรงทนทาน ทำให้ทุกย่างก้าวของผู้มาเยือนเต็มไปด้วยความสะดวกสบายและเพลิดเพลิน บรรยากาศที่สะอาดตา ปลอดภัย และการจัดวางผังที่ง่ายต่อการเดิน ทำให้ผู้คนสามารถใช้เวลาอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันโดยไม่รู้สึกเบื่อหรืออึดอัด
อีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ทำให้ แฟชั่นไอส์แลนด์ ยืนหนึ่งในใจผู้คน คือการปรับตัวและพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง ศูนย์การค้าแห่งนี้ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองดูเก่าหรือล้าสมัย มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมโซนใหม่ๆ อยู่เสมอ การเชื่อมต่อกับ "เดอะ พรอมานาด" ที่อยู่ติดกัน คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการวิวัฒนาการที่ชาญฉลาด เป็นการขยายอาณาจักรเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่ต้องการบรรยากาศที่แตกต่างออกไป แต่ยังคงเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ การมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีวงแหวนรามอินทรา ซึ่งมีทางเชื่อมเข้าสู่ตัวศูนย์การค้าโดยตรง ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพและการมองการณ์ไกลของผู้บริหาร ที่พร้อมจะเชื่อมต่อแฟชั่นไอส์แลนด์เข้ากับเครือข่ายคมนาคมแห่งอนาคตของเมืองหลวง
ในมุมมองของเรา ผู้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างพื้นฐานที่มั่นคงให้กับโครงการนี้ เรามองเห็น แฟชั่นไอส์แลนด์ เป็นมากกว่าแค่ลูกค้า แต่เป็นพันธมิตรที่สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าที่เรายึดถือ นั่นคือความทนทาน คุณภาพ และความไว้วางใจ การที่พื้นที่ซึ่งมีผู้คนสัญจรนับหมื่นนับแสนคนต่อวันยังคงดูดีและแข็งแรงอยู่เสมอ คือบทพิสูจน์ถึงการเลือกใช้วัสดุที่ดีที่สุดและการบำรุงรักษาที่ยอดเยี่ยมที่สุด ความสำเร็จของแฟชั่นไอส์แลนด์จึงเป็นความภาคภูมิใจร่วมกัน
ท้ายที่สุดแล้ว แฟชั่นไอส์แลนด์ ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์การค้า แต่เป็นสถาบันทางสังคม เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำที่เติบโตมาพร้อมกับผู้คนหลายเจเนอเรชัน และยังคงเป็นหัวใจสำคัญของกรุงเทพฯ ตะวันออกที่พร้อมจะพัฒนาต่อไปในอนาคต เป็นเครื่องยืนยันว่าการสร้างสรรค์พื้นที่ที่เข้าใจความต้องการของผู้คนอย่างแท้จริง จะสามารถสร้างความสำเร็จที่ยั่งยืนและเหนือกาลเวลาได้อย่างแน่นอน